เกร็ดความรู้ชาวพุทธ เรื่อง คำถวายทาน ไม่ใช่ คำอุทิศส่วนบุญ

เกร็ดความรู้ชาวพุทธ เรื่อง คำถวายทาน ไม่ใช่ คำอุทิศส่วนบุญ
   ในพิธีทำบุญบางงานเคยได้ยินพิธีกร หรือมรรคนายกบางวัดกล่าวนำถวายทาน เช่น ถวายสังฆทาน ทีว่า อิมานิ มะยัง ภันเต ภัตตานิ เรื่อยไปจนถึง อัมหากัง ทีฆะรัตตังหิตายะ สุขายะ พอถึงคำแปล... เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย และแก่ญาติทั้งหลาย มีบิดามารดา เป็นต้น แทนที่จะกล่าวนำจบแค่ตรงนี้ ท่านก็กล่าวนำต่อไปอีก ... ปู่ย่าตายาย เจ้ากรรมนายเวร เจ้าที่เจ้าทาง เทวดา มารพรหมยมยักษ์ เจ้ากรุงพาลี และใครต่อใครอีกยาวเหยียดเป็นบัญชีหางว่าว กลายเป็นคำกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญไป
   ควรทำความเข้าใจให้ถูกต้องว่า คำถวายทาน กับ คำกรวดน้ำ เป็นคนละอย่างกัน ควรกล่าวคนละตอน ตอนถวายทาน ก็ควรกล่าวเฉพาะคำถวายทาน ส่วนคำอุทิศส่วนบุญ ควรเอาไปกล่าวตอนกรวดน้ำ ไม่ใช่เอามากล่าวปนกันไปหมด ในคำถวายทานมีข้อความว่า เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข แก่เข้าพเจ้าทั้งหลาย และแก่ญาติทั้งหลาย มีบิดามารดา เป็นต้น ข้อความนี้ ยังไม่ใช่คำอุทิศส่วนบุญหรือกรวดน้ำ เป็นแต่แสดงเจตนา หรือแสดงความปรารถนาในการถวายทานนั้นให้พระสงฆ์รับทราบไว้เท่านั้น ว่าถวายทานทำไม

   แต่การอุทิศส่วนบุญ หรือการกรวดน้ำ ต้องไปกล่าวในตอนกรวดน้ำอีกทีหนึ่ง ควรกล่าวคำถวายทานให้เสร็จสิ้นจบตอนไปก่อน คือ พระสงฆ์รับคำว่า "สาธุ" เรียบร้อยแล้ว พอถึงตอนพระสงฆ์อนุโมทนาให้พรเป็นภาษาบาลี จึงกล่าวคำกรวดน้ำ เพื่ออุทิศส่วนบุญให้บิดามารดา เจ้ากรรมนายเวร หรือจะร่ายยาวไปสักเท่าไหร่ก็ว่าไป
   โปรดจำเป็นข้อเตือนใจว่า คำถวายทาน ไม่ใช่ คำอุทิศส่วนบุญ ... เกร็ดความรู้ชาวพุทธ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น