เกร็ดความรู้ชาวพุทธ เรื่อง คนมีบาป

เกร็ดความรู้ชาวพุทธ เรื่อง คนมีบาป
   คำว่า "บาป" หมายถึง ความชั่ว ความไม่ดี ซึ่งเมื่อทำแล้วเป็นเหตุให้ผู้ทำได้รับความมัวหมอง เดือดร้อนจนเป็นเหตุให้ถึงทุคติภูมิ บาปจะหนักหรือเบา ก็ขึ้นอยู่กับเจตนาของการกระทำ สิ่งที่ถูกกระทำ และวิธีการกระทำบาปนั้นๆ เป็นเกณฑ์ ในทางพระพุทธศาสนาสอนว่า บุคคลหว่านพืชเช่นใด ย่อมได้รับผลเช่นนั้น คนทำความดีย่อมได้รับผลดี คนทำความชั่วย่อมได้รับผลชั่ว โดยใจความก็คือ เมื่อสร้างเหตุไว้อย่างไร ก็ต้องได้รับผลตามสมควรแก่เหตุนั้น เหตุชั่ว ซึ่งเมื่อทำแล้วส่งผลให้ผู้ทำได้รับความมัวหมองเดือดร้อนด้วยประการต่างๆ นั้น มี ๒ ประการ คือ

   ๑. เหตุชั่วในอดีต คือ เหตุชั่ว เหตุไม่ดีที่เคยทำมาในอดีตชาติ เมื่อคนนั้นเกิดในชาติใหม่ ภพใหม่ ก็ส่งผลให้มีชีวิตที่ลำบากยากเข็ญ เช่น ร่างกายพิกลพิการผิดรูปไม่สมส่วน อัตคัดขัดสน ขาดคนอุปถัมภ์ค้ำชู ขาดที่พึ่งพาอาศัย เป็นต้น
   ๒. เหตุชั่วในปัจจุบัน คือ เหตุชั่ว เหตุไม่ดีที่ทำในปัจจุบัน บางคนแม้จะเกิดมาดีในชาติปัจจุบัน แต่แทนที่จะมุ่งกระทำความดีต่อไป กลับชอบที่จะกระทำความชั่ว เช่น ทุจริตต่างๆ มีการเบียดเบียนผู้อื่น การลักขโมย และการประพฤติผิดในกาม เป็นต้น ก็ส่งผลให้ชีวิตของเขาตกต่ำลงในชาตินี้
คนทำบาปในอดีต ชีวิตในอดีตก็ไม่เป็นสุข มาถึงปัจจุบันชีวิตลำบาก ส่วนคนที่กำลังลำบากในปัจจุบัน ชีวิตก็คงไม่พ้นที่จะต้องลำบากทั้งในปัจจุบัน และในอนาคต ดังนั้น พระท่านจึงสอนว่า อย่ายินดีพอใจในการทำบาปแม้เพียงเล็กน้อย เพราะการทำบาปมีแต่ให้ผลเป็นทุกข์เดือดร้อนทั้งในชาตินี้และชาติหน้า อีกทั้งชาวโลกจะเรียกคนประเภทนี้่ว่า "คนมีบาป"...

#เกร็ดความรู้ชาวพุทธ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น