เทคนิคง่ายๆ เพื่อพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ ด้วยการเรียนรู้จากสิ่งรอบตัว

เทคนิคง่ายๆ เพื่อพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ ด้วยการเรียนรู้จากสิ่งรอบตัว
"อยากพัฒนาภาษาอังกฤษ แต่ไม่มีเวลาเข้าเรียน ทำอย่างไรดี" หลายท่านอาจเคยได้ยินใครหลายๆ คนพูดเช่นนี้ ผมเองก็เคยได้ยินมาหลายครั้ง คำตอบที่ให้ได้คือ ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเรา หากเราเปิดตาเปิดใจ สิ่งรอบตัวก็สามารถเป็นข้อมูลให้พัฒนาตนเองได้ ในทีนี้จะขอลองนำเสนอตัวอย่างง่ายๆ ว่า ใน ๑ วัน หากเราเปิดใจ เรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัวเรา จะสามารถเรียนรู้อะไรบ้าง เพื่อเป็นการเพิ่มทักษะภาษาอังกฤษในตัวเอง...
   ทุกเช้าท่านจะถูกปลุกด้วยนาฬิกาซึ่งมักจะมีคำว่า snooze ปรากฏขึ้นมา แล้วท่านก็จะกดขอต่อเวลาออกไป (บางท่าน ๓-๔ ครั้ง กว่าจะลุกจากเตียง) เคยลองถามตัวเองไหม ว่าคำว่า snooze แปลว่าอะไร หากไม่แน่ใจ ลองใช้กูเกิลในการช่วยหาความหมาย ซึ่งจะพบว่า snooze แปลว่า งียบหลับ โดยหากอ่านเพิ่มเติมจะพบว่ามีคำที่มีความหมายคล้ายกันอีกเช่น doze, nap และ siesta

   เมื่อท่านลุกจากเตียงไปเข้าห้องน้ำ หยิบหลอดยาสีฟันขึ้นมาพบคำว่า cavity มาพร้อมรูปฟันขาวแข็งแรง ถ้าท่านลองเดาอาจจะเห็นคำว่า cave ซ่อนอยู่ ซึ่งคำว่า cave คือ ถ้ำมีลักษณะเป็นโพรง ถ้ามาเปรียบเทียบกับฟัน น่าจะหมายถึงฟันผุเป็นรู เพื่อความแน่ใจสามารถเปิดกูเกิล เพื่อตรวจสอบได้ และจะพบว่า cavity มีคำเหมือนคือ hole และ hollow ซึ่งแปลว่าโพรงเช่นกัน เมื่อจะชำระล้างร่างกาย โดยท่านหยิบผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกายขึ้นมา อาจพบคำว่า whitening หรือไม่ก็ softening ซึ่งถ้าสังเกตุให้ดี จะพบว่า ส่วนประกอบของ white และ soft ซึ่งเป็น adjective หรือคำขยายคำนามนั้นตามด้วย -en และต่อด้วย -ing ซึ่งหากเปิดค้นหาในกูเกิล จะพบว่า การเติมส่วนท้ายคำดังกล่าวนั้นมีผลกับหน้าที่ของคำ จาก white และ soft  ที่เป็น adjective เมื่อเติม -en จะกลายเป็น whiten และ soften ซึ่งมีหน้าที่เป็น verb หรือคำกริยา แปลว่า "ทำให้ขาว" และ "ทำให้นุ่ม" เมื่อเติม -ing ต่อเข้าไป คำเหล่านี้กลายเป็นคำนาม แปลว่า "การทำให้ขาว" และ "การทำให้นุ่ม" ซึ่งเมื่อเราทราบหลักเกณฑ์คร่าวๆ นี้แล้ว ก็สามารถลองประยุกต์ใช้กับคำอื่นได้ เช่น wide ที่แปลว่า "กว้าง" เมื่อเติม -en กลายเป็น widen ทำหน้าที่เป็นคำกริยา  แปลว่า "ขยายหรือทำให้กว้างขึ้น" และเมื่อเติม -ing กลายเป็น widening แปลว่า "การทำให้กว้างขึ้น" นั่นเอง
   ระหว่างขับรถไปทำงาน จะมีป้ายสัญลักษณ์จราจรบอกอยู่เป็นระยะๆ หากเราสังเกตุให้ดีก็จะมีคำที่น่าสนใจ เช่น ในป้ายให้ระวังทางโค้งอันตราย จะมีคำว่า sharp curve ปรากฏอยู่ ซึ่งท่านอาจเดาได้ว่า curve แปลว่า "โค้ง" และหากค้นคว้าเพิ่มเติมจะพบว่า อาจหมายถึง ส่วนโค้งเว้าของร่างกายมนุษย์ หรือเส้นโค้งบนกราฟ (graph) ได้ด้วย และเป็นที่น่าสนใจว่า คำที่ใช้ขยาย curve ให้มีความหมายว่าโค้ง ที่มีความหักงอสูง จะใช้คำว่า sharp หากท่านค้นคว้าเพิ่มเติมในกูเกิล จะพบว่ามีอีกหนึ่งคำที่ใช้คู่กับ curve และมีความหมายว่า โค้ง ที่มีความหักงอสูง เช่นกัน คือ tight
   เมื่อท่านถึงที่ทำงาน ก็จะมีบางห้องติดป้ายหรือเขียนไว้ว่า restricted area ซึ่งมีภาษาไทยกำกับไว้ว่า "เขตหวงห้าม" หากท่านค้นคว้าเพิ่มเติมท่านจะพบว่า restricted ในทีนี้ มาจากคำกริยา restrict ที่หมายถึง การจำกัดขอบเขต จึงเห็นได้ว่าเราสามารถเติม -ed และ -ing ท้ายคำกริยา และทำให้คำกริยานั้น กลายเป็น adjective ได้
   เมื่อเลิกงาน ขับรถกลับบ้าน ท่านเปิดวิทยุมองหาคลื่นที่ถูกใจ เคยสังเกตุหรือไม่ว่าปุ่มที่กดเพื่อให้วิทยุหาคลื่นที่ต้องการเขียนว่าอย่างไร วิทยุในรถยนต์ บางรุ่นมีปุ่มในการค้นหาอยู่ ๒ ปุ่ม คือ seek และ scan แล้วมันต่างกันอย่างไร seek แปลตรงตัวว่า ค้นหา ส่วน scan แปลว่า การดูอย่างละเอียด หรือการดูอย่างเร็วๆ เพื่อให้เห็นภาพรวม ดังนั้น ปุ่ม seek จะมองหาคลื่นที่มีความแรงมากที่สุด และจะหยุดอยู่ที่ช่องนั้น แต่ scan จะกวาดผ่านคลื่นไปเรื่อยๆ และท่านจะได้ยินตัวอย่างรายการของรายการต่างๆ ต่อเนื่องกันไป
   เมื่อถึงบ้าน ท่านเปิดโทรทัศน์พบว่ามีศึกมวยคู่หยุดโลก และที่มุมจอจะเขียนไว้ว่า live ที่แปลว่า ถ่ายทอดสด ท่านจะออกเสียงคำนี้ว่าอย่างไร บางท่านอาจสับสนและออกเสียงว่า "ลีฟ" เนื่องจากหน้าตาของคำนี้เหมือนคำว่ากริยา live ที่จะออกเสียงว่า "ลีฟ" เช่น ในประโยคว่า I live in Bangkok แต่หากค้นคว้าเพิ่มเติม จะทราบว่า คำที่ปรากฏบนหน้าจอโทรทัศน์นั้น ต้องออกเสียงว่า "ไลฟ" และทำหน้าที่ขยายคำนาม เช่น live concert หรือการแสดงสด
   เมื่อท่านกำลังจะเข้านอน หยิบเสื้อยืดตัวโปรดมาใส่ เห็นข้อความคำว่า "Being cool is hot!" ก็ตั้งคำถามกับตัวเองว่าคำสองคำที่ตรงกันข้ามนี้ มาอยู่ด้วยกันได้อย่างไร หากแปลตรงๆ ตามตัว จะไม่มีความหมายอะไรเลย หากค้นคว้าเพิ่มเติมจะพบว่าทั้ง ๒ คำ มีความหมายอื่นอีก คือ hot อาจแปลว่า เซ็กซี่ และ cool แปลว่า เท่ห์ ซึ่งถ้าแปลประโยคนี้ใหม่ จะเป็น "เป็นคนเท่ห์นี่เซ็กซี่นะ" เพราะฉะนั้นหากท่านรู้สึกร้อน ให้พูดว่า I feel hot แทน I am hot เพราะจะกลายเป็นท่านบอกคนอื่นๆ ว่าท่านนั้นเซ็กซี่หรือโด่งดัง ส่วนถ้ามีใครบอกท่านว่า You are cool! จะได้ทราบว่า เขาชมท่าน ไม่ได้แปลว่า ท่านนั้นเย็นแต่อย่างใด
จะเห็นได้ว่าในหนึ่งวัน ท่านสามารถเรียนรู้ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ในภาษาอังกฤษให้ตัวเองได้อย่างมากมาย เนื่องจากการเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด อย่างที่ Albert Einstein กล่าวไว้ว่า "ความฉลาด ไม่ใช่ผลผลิตของการร่ำเรียนในโรงเรียน หากเป็นเรื่องของการขวนขวายเรียนรู้ตลอดชีวิต" ทุกอย่างเริ่มที่ตัวท่าน ขอให้สนุกกับภาษาอังกฤษรอบตัวๆ นะครับ...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น