เมื่อหลายเดือนก่อน ผู้เขียนได้มีโอกาสเข้าร่วมประชุมฯ ก่อนเดินทางกลับ ผู้เข้าร่วมการประชุมท่านหนึ่งเดินผ่านร้านขายผลไม้ และมีโอกาสได้ชิมกระท้อนรสหวาน ของดีมีชื่อประจำจังหวัด ซึ่งมีรสชาติเป็นที่ถูกอกถูกใจยิ่งนัก และท่านก็ประสงค์จะซื้อกลับ แต่ด้วยความที่มีธุระจำเป็นที่จะต้องไปทำก่อน ท่านนั้นได้สอบถามแม่ค้าว่า ตั้งร้านขายถึงกี่โมง จึงทราบว่า จะเลิกขายก่อนเวลา ๑๑.๐๐ น. ท่านนั้นประเมินแล้วว่า ธุระที่จะไปทำนั้นคงเสร็จก่อนกำหนด แต่ถ้ารอหลังจากเสร็จ อาจได้กระท้อนลูกเล็ก และไม่สวยงามก็เป็นได้ ท่านจึงได้ตกลงซื้อกระท้อน จำนวน ๓ กิโลกรัม และจะฝากกระท้อนไว้กับแม่ค้า หลังจากกลับมาจากการทำธุระ จะนำขึ้นรถกลับ...ต่อไป เพื่อบรรยากาศในการเดินทางจะได้ไม่น่าเบื่อจนเกินไป ผู้เขียนจึงขออนุญาตแนะนำข้อกฎหมายปนขำขัน ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเลือกซื้อกระท้อน ท่านสนใจ พร้อมกับกล่าวว่า ก็น่าสนใจ ไหนลองพูดให้ฟังหน่อย ผู้เขียนจึงได้ชี้แจงดังต่อไปนี้
การซื้อขายทรัพย์สินใดๆ ก็ดี ที่มีการกองรวมกันอยู่ ถ้าเราไม่เลือก เป็นหน้าที่แม่ค้าที่จะต้องเลือกสินค้าชนิดปานกลางให้ เราจะไม่ได้กระท้อนที่ดีที่สุด ทั้งนี้เป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๙๕ ท่านเลือกกระท้อนที่ท่านคิดว่าดีที่สุดใส่ถุง และเมื่อท่านได้เลือกแล้ว กระท้อนดังกล่าวจะกลายเป็นทรัพย์เฉพาะสิ่งขึ้นมาทันที ซึ่งมีผลทางกฎหมาย ดังนี้๑. ผลเกี่ยวกับภัยพิบัติ กรณีการตกลงซื้อขายกระท้อนกันนั้น เป็นสัญญาต่างตอบแทนกัน โดยผู้ซื้อมีหน้าที่จ่ายเงิน ผู้ขายมีหน้าที่ส่งมอบของ คือ กระท้อนที่มีการเลือกกันไว้แล้ว แต่กรณีมีภัยพิบัติเกิดขึ้น เช่น ภายหลังจากเราเลือกกระท้อนแล้ว ถือว่ากรรมสิทธิ์ในกระท้อนนั้น ตกเป็นของผู้ซื้อในทันที หากมีกรณีรถวิ่งมาจากที่ใดก็ไม่รู้ มาเฉี่ยวชนแผงค้า และทำให้กระท้อนดังกล่าวเสียหาย หรือมีเหตุการณ์อื่นๆ ในทำนองเดียวกัน หากเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ใช่ความผิดของแม่ค้าแล้ว ผู้ซื้อต้องรับบาปเคราะห์นั้นไว้เอง โดยมีหน้าที่ต้องชำระราคาให้ผู้ขาย
๒. ผลเกี่ยวกับการชำระหนี้เป็นอันพ้นวิสัย กรณีเหตุการณ์ตามข้อ ๑ ถ้ากระท้อนที่ถูกเลือกไว้ถูกรถเหยียบจนเสียหาย การชำระหนี้ด้วยการส่งมอบกระท้อนของแม่ค้า จะตกเป็นพ้นวิสัยไปในทันที โดยแม่ค้าไม่ต้องส่งมอบกระท้อน หรือสิ่งของใดๆ เป็นของแทนเลย
๓. ผลเกี่ยวกับการส่งมอบ เมื่อรถเหยียบกระท้อนเสียหายแล้ว หลายคนอาจมองว่า เมื่อได้ชำระเงินตามข้อ ๑ และทรัพย์สินเสียหายจนไม่อาจส่งมอบได้ตามข้อ ๒ หน้าที่ของแม่ค้าตามกฎหมาย ต้องเลือกกระท้อนลูกสวยๆ มาทดแทนเป็นแน่ แต่ข้อกฎหมายมิได้เป็นอย่างนั้นครับ กฎหมายบัญญัติว่า ต้องส่งมอบตามสภาพที่เป็นอยู่ในเวลาที่พึงส่งมอบ เมื่อมาถึงตรงนี้ หลายท่านคงนึกภาพกระท้อนที่โดนรถทับออกว่าจะมีสภาพเป็นอย่างไร และ หากเราเสียเงินซื้อ แต่เราได้กระท้อนมาในสภาพแบบนั้น ท่านจะรู้สึกอย่างไ
๔. ผลเกี่ยวกับการรักษาทรัพย์สิน กระท้อน ก่อนที่แม่ค้าจะขายให้เรา แม่ค้าอาจจะดูแลเป็นอย่างดี ยุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม ขัดสีฉวีวรรณ เพื่อให้ลูกกระท้อนสีสวย แวววาว เพื่อดึงดูดลูกค้าก็เป็นได้ แต่ภายหลังจากมีการตกลงซื้อและได้คัดเลือกแล้ว กฎหมายกำหนดหน้าที่ของแม่ค้าไว้เพียงแค่ มีหน้าที่รักษาทรัพย์นั้นไว้ด้วยความระมัดระวังเช่นวิญญูชนพึงสงวนทรัพย์สินของตนเอง จนกว่าจะส่งมอบทรัพย์สิน หมายความว่า แม่ค้ามีหน้าที่รักษากระท้อนตามปกติ โดยปฏิบัติเหมือนคนอื่นๆ ทั่วไป ที่พึงรักษากระท้อนของตนเอง จนกว่าจะส่งมอบทรัพย์สิน
๕. ผลเกี่ยวกับสถานที่ที่จะชำระหนี้ กฎหมายบัญญัติว่า การส่งมอบทรัพย์เฉพาะสิ่ง ก็ต้องส่งมอบ ณ สถานที่ทรัพย์นั้นตั้งอยู่ เมื่อเราได้คัดเลือกกระท้อนแล้ว อำนาจการต่อรองจะให้ยกไปส่งที่รถนั้นหมดลงทันที เพราะกฎหมายกำหนดว่าให้ส่งมอบ ณ สถานที่ทรัพย์นั้นตั้งอยู่ ซึ่งก็คือแผงค้านั้นเอง
บทความนี้อาจเป็นเรื่องตลก สำหรับหลายๆ คน เพราะเห็นว่า แค่การซื้อกระท้อน เมื่อเกิดความเสียหาย แม่ค้าคงรักษาฐานลูกค้า ด้วยการเอาลูกกระท้อนลูกใหม่ๆ มาทดแทน แล้วส่งมอบให้ท่านไป การส่งมอบก็อาจถือมาส่งที่รถได้ อำนาจการต่อรองไม่เสียไปหรอก ซึ่งมันก็เป็นเรื่องจริง แต่ถ้ามองมุมกลับว่า ถ้าสิ่งที่เรากำลังเลือกซื้ออยู่นั้น ไม่ใช่กระท้อนล่ะ แต่เรากำลังเลือกซื้อสินค้าที่มีมูลค่าสูง การที่ผู้ขายจะนำสิ่งของมาทดแทนนั้นเป็นเรื่องยาก ต่างฝ่ายต่างต้องถามถึงสิทธิ และหน้าที่ตามกฎหมาย ว่าคุ้มครองเขาอย่างไร ซึ่งเรื่องในลักษณะนี้มีข้อพิพาทจนถึงศาลฎีกามากมาย ดังตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกา ดังต่อไปนี้
ฎ ๓๓๙/๒๕๐๖ - จำเลยทำสัญญาขายไม้สักให้โจทก์ และรับเงินค่าไม้ไปแล้ว ต่อมาเจ้าหน้าที่ของโจทก์ได้ตรวจไม้ที่จำเลยเตรียมไว้ตามสัญญา และตีตราของโจทก์ลงไว้ ย่อมถือได้ว่าไม้ที่ตีตราแล้วนั้นเป็นทรัพย์เฉพาะสิ่ง กรรมสิทธิ์ในไม้ตกเป็นของโจทก์แล้ว เมื่อมีคนลอบวางเพลิงโรงเลื่อยจำเลยซึ่งมิใช่ความผิดของจำเลย โจทก์จะเรียกร้องราคาไม้คืนจากจำเลยไม่ได้
ฎ ๗๒๓/๒๔๙๒ - ทำสัญญาซื้อขายน้ำตาลซึ่งใส่กระสอบไว้เป็นจำนวนแน่นอน น้ำตาลที่ซื้อขายกัน ไม่มีน้ำตาลอื่นปะปน และไม่ต้องชั่งตวงวัดกันอีก ผู้ซื้อได้ชำระราคาน้ำตาลนั้นเสร็จแล้ว แม้ผู้ซื้อฝากผู้ขายเก็บไว้ ณ ที่เดิม ก็ถือว่ากรรมสิทธิ์ตกเป็นของผู้ซื้อแล้ว เมื่อถูกทางราชการบังคับซื้อไป ผู้ขายไม่ต้องรับผิด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น