เดาศัพท์อังกฤษอย่างไรให้มีความหมายใกล้เคียงกับความหมายจริงมากที่สุด (เทคนิคพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ)
ในบางครั้งเมื่ออ่านบทความ หรือข่าวภาษาอังกฤษ เราอาจพบกับคำศัพท์ใหม่ๆ ที่ไม่ทราบความหมาย พจนานุกรม (Dictionary) เป็นสิ่งที่จะช่วยเราได้ดีที่สุด และทำให้เราได้เรียนรู้คำใหม่นั้น ถ้าไม่มีพจนานุกรม เราจะทำอย่างไรให้เข้าใจความหมายของคำศัพท์คำนั้น วิธีการยอดนิยมของหลายๆ คน คือ การเดา แต่จะเดาอย่างไรจึงจะถูกต้อง หรือให้มีความหมายใกล้เคียงกับความหมายจริงมากที่สุด บทความนี้จะนำเสนอวิธีการเดาความหมายของคำศัพท์ที่เราไม่รู้จัก เพื่อให้ผู้สนใจสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ ซึ่งมีหลักการในการเดาความหมายของคำศัพท์ ดังนี้๑. Definition clues : การเดาจากคำนิยาม/คำจำกัดความ การให้คำนิยามหรือคำจำกัดความเป็นการบอกความหมายของคำศัพท์อย่างตรงๆ และจัดเจน สังเกตุได้จากคำกริยาต่างๆ ตัวอย่างเช่น
๑.๑ v. to be ได้แก่ is/ are/ was/ were = คือ
A mammoth is a mammal that lived during the Ice Ages. แมมมอธ คือ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดหนึ่งที่อาศัยในยุคน้ำแข็ง
๑.๒ mean = หมายถึง/ หมายความว่า
A glacier means an extremely large mass of ice which moves very slowly, often down a mountain valley. ธารน้ำแข็ง หมายถึง ก้อนน้ำแข็งขนาดมหึมาที่เคลื่อนที่ช้ามาก มักจะไหลจากภูเขาลงสู่หุบเขา
๑.๓ is/are known as = รู้จักกันในนามของ Triangles that are the same shape and size are known as congruent triangles. สามเหลี่ยมที่มีรูปร่างและขนาดเท่ากันรู้จักกันในนามของสามเหลี่ยมด้านเท่า
เมื่อเห็นคำกริยาเหล่านี้ ผู้อ่านจะทราบได้ว่า คำหรือข้อความที่ตามมาจะมีความหมายเหมือนกันหรือใกล้เคียงกับคำหรือข้อความที่นำมาข้างหน้า
๒. Punctuation Clues : การเดาจากเครื่องหมายวรรคตอน เครื่องหมายวรรคตอนที่ตามหลังคำศัพท์บางคำ เป็นตัวช่วยบอกความหมาย หรืออธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำศัพท์ที่อยู่ข้างหน้า ตัวอย่างเช่น
You can take and escalator, moving staircase, up to the second floor. (n.) escalator = a moving staircase (บันไดเลื่อน)
ตัวอย่างที่สอง parentheses (วงเล็บ)
Traffic signs tell drivers and pedestrians (walkers) what to do and what not to do while driving, riding and walking. (n.) pedestrians = walkers (คนเดินถนน)
๓. Restatement and Synonym clues : การเดาจากการพูดซ้ำ หรือ คำที่มีความหมายเหมือนกัน สังเกตุจากคำว่า or หรือสังเกตุจากการพูดซ้ำ หรืออธิบายคำศัพท์ซ้ำ ตัวอย่างเช่น
๓.๑ The dromedary, or commonly called a camel, stores fat in its hump. dromedary, หรือปกติเรียกว่าอูฐ, เก็บไขมันไว้ที่หนอกของมัน
คำว่า "or" หรือ "or commonly called" บอกให้รู้ว่า dromedary สามารถเรียกอีกอย่างหนึ่งได้ว่า อูฐ (dromedary คือ อูฐที่มีหนอกเดียว)
๓.๒ Some plants catch and eat insects. They are called carnivorous or insect - eating plants. พืชบางชนิดจับและกินแมลง พวกมันถูกเรียกว่า carnivorous หรือพืชที่กินแมลง
carnivorous = insect-eating
ประโยคแรกบอกอยู่แล้วว่าเป็นพืชที่กินแมลง และมาเน้นย้ำอีกทีด้วยคำว่า or insect - eating plants ชัดเจนที่สุด
๔. Contrast and Antony Clues: การเดาจากคำที่มีความหมายตรงกันข้าม การแสดงความขัดแย้งเป็นการบอกถึงความแตกต่างกัน หรือความขัดแย้งกัน เช่น although, but, even if, even though, however, in comparison to, in contrast (to), in opposition to, in spite of, instead of, nevertheless, on the other hand, whereas, while ตัวอย่างเช่น
๔.๑ The man was partly, but his wife was thin. ผู้ชายคนนั้น portly แต่ภรรยาของเขาผอม เห็นคำว่า "but" หรือ "however" กู็รู้ทันทีว่าประโยคหน้าและหลังขัดแย้งหรือตรงกันข้าม เดาได้เลยว่า portly น่าจะแปลว่า not thin หรือไม่ผอมนั่นเอง คำว่า portly หมายถึง มีรูปร่างอ้วน เป็นคำที่ใช้แบบไม่เป็นทางการ และส่วนใหญ่ใช้กับผู้ชาย
๔.๒ The science project was easy, whereas the math homework was arduous. โครงงานวิชาวิทยาศาสตร์ง่าย ในขณะที่การบ้านวิชาคณิตศาสตร์ arduous "whereas" เป็นอีกหนึ่งคำที่แสดงให้เห็นความขัดแย้งของประโยคหน้าและหลัง ดังนั้น เมื่อโครงงานวิชาวิทยาศาสตร์ง่าย การบ้านคณิตศาสตร์ต้องมีลักษณะที่ขัดแย้งหรือตรงกันข้าม นั่นคือ arduous = not easy (difficult)
๕. Example Clues : การเดาจากการยกตัวอย่าง การยกตัวอย่างประกอบเป็นการทำให้คำหรือข้อความนั้น มีความหมายชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น such as, for example, for instance, like
ตัวอย่างที่หนึ่ง Such as : Most condiments, such as pepper, mustard and ketchup, are used to improve the flavor of foods,
condiments ส่วนใหญ่ เช่น พริกไทย มัสตาร์ด และซอสมะเขือเทศ ถูกนำมาใช้ในการปรุงรสอาหาร
condiments = เครื่องปรุงรสอาหาร สรุปได้จากตัวอย่างที่ให้ คือ พริกไทย มัสตาร์ด และซอสมะเขือเทส ทั้งหมดเป็นสิ่งที่เราใช้ปรุงรสทั้งสิ้น
ตัวอย่างที่สอง For example : This third grade was full of precocious children. For example, one child had learned to read at two and another could do algebra at the age of 6. เด็กชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ ห้องนี้เต็มไปด้วยเด็กที่ precocious เช่น เด็กคนหนึ่งเรียนการอ่านได้ตั้งแต่ ๒ ขวบ และ อีกคนสามารถทำพีชคณิต (แก้สมการ) ได้ตั้งแต่อายุ ๖ ขวบ ดูจากตัวอย่าง (for example) ก็พอเดาได้ว่าเด็กเหล่านี้ เก่งเกินวัย หรือเป็นเด็กอัจฉริยะ
precocious = very clever, mature and good at something บางครั้งเราจะเห็นตัวย่อ e.g. ให้รู้ว่าความหมายของมันเท่ากับ for example
นี่คือหลักในการเดาความหมายของคำศัพท์ที่ควรนำไปปฏิบัติกัน ซึ่งจะทำให้เราเข้าใจความหมายของประโยคได้ดียิ่งขึ้น ... เทคนิคพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น