เรียนรู้ประโยคเด็ดจากภาพยนตร์ยอดฮิต! (เทคนิคพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ)

เรียนรู้ประโยคเด็ดจากภาพยนตร์ยอดฮิต! (เทคนิคพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ)
   ภาพยนตร์ (a movie หรือ a motion picture) เป็นสิ่งให้ความบันเทิงลำดับต้นๆ ของใครหลายคนด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันไป บ้างก็ดูเพื่อผ่อนคลาย บ้างก็เพื่อฆ่าเวลา บ้างก็เพื่อหลบหนีความจริง จนเป็นที่มาของคำว่า escapism และยังมีอีกหลายคนที่เห็นว่าภาพยนตร์เป็นแหล่งเรียนรู้ที่มหัศจรรย์ Audrey Hepburn หนึ่งในตำนานแห่งฮอลลีวู้ดได้กล่าวไว้ว่า "ทุกสิ่งที่ฉันรู้ ฉันเรียนจากภาพยนตร์" "Everything I learned, I learned from the movies." ผู้เขียนก็เช่นกันที่เห็นว่า ภาพยนตร์เป็นทั้งคลังความรู้ทางภาษา และแหล่งสร้างแรงบันดาลใจ (source of inspiration) จึงได้รวบรวมสำนวนจากภาพยนตร์ (movie quotes) ที่ผู้อ่านอาจนำไปใช้เพื่อให้กำลังใจตนเองและผู้อื่นได้
๑. "Do or do not. There is no try." จากเรื่อง Star Wars: The Empire strikes back (1980) เป็นช่วงที่ Yoda กำลังฝึก Luke ให้ใช้พลังจิตยกยานอวกาศให้ลอยจากพื้น Luke ตอบว่า "ผมจะลองดู" "I'll give it a try." Yoda จึงกล่าวว่า "มีแต่ทำกับไม่ทำ ไม่มีคำว่าลอง" เพราะคำว่าลอง แสดงถึง การพยายามแบบครึ่งๆ กลางๆ (half-hearted attempts) การลงมือทำด้วยความมั่งมั่น (determination) เท่านั้น จึงจะทำให้งานสำเร็จ

๒. "Oh yes, the past can hurt. But you can either run from it or learn from it." จากเรื่อง The Lion King (1994) เมื่อ Simba หนีออกจากฝูงไปหลังจากถูกอา (Scar) หลอกว่าตนเองเป็นสาเหตุให้พ่อ (Mufasa) ตาย Rafiki พยายามเกลี้ยกล่อมให้เขากลับไปสู้เพื่อทวงสิทธิ์คืน แต่ Simba บอกว่า "หากกลับไปก็ต้องไปเผชิญอดีต" "I'll have to face my past." Rafiki จึงเอาไม้เท้าตีไปที่หัวของ Simba ทำให้ Simba โวยวาย Rafiki จึงกล่าวว่า "ไม่เห็นจะเป็นไร มันเป็นอดีต" "It doesn't matter. It's in the past." Simba บอกว่า "ก็มันยังเจ็บนี่" "yeah, but it still hurts." Rafiki จึงได้สอนว่า "ใช่ อดีตทำให้เราเจ็บปวด แต่เราเลือกได้ว่าจะวิ่งหนีมัน หรือเรียนรู้จากมัน" แล้ว Rafiki เงื้อไม้จะฟาดอีก แต่คราวนี้ Simba เรียนรู้และหลบทัน
๓. "I gotta keep breathing because tomorrow the sun will rise. Who knows what the tide could bring?" จากเรื่อง Cast Away (2000) เมื่อ Chuck Noland (Tom Hanks) ผู้บริหารบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง FedEx ประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตก และต้องติดเกาะอยู่คนเดียว (stranded on uninhabited island) เขาต้องพยายามเอาชีวิตรอด (survive) โดยอาศัยสินค้าที่ยังหลงเหลือในเครื่องบินประทังชีวิต (remnants from his plane's cargo) และมีเพียงลูกวอลเลย์บอลเป็นเพื่อน วันหนึ่งมีตู้สุขาเคลื่อนที่ (portable toilet) ถูกคลื่นซัดขึ้นมาบนเกาะ (washed up on the island) เขาจึงนำมาสร้างเป็นแพ (raft) เพื่อหาทางกลับบ้าน และขณะที่เขากำลังลอยคอ (drifting) อยู่กลางมหาสมุทร เรือสินค้าที่ผ่านมา (a passing cargo ship) ได้ช่วยเขาให้กลับคืนสู่บ้าน Chuck สามารถอยู่รอดบนเกาะแห่งนั้นมาได้นานถึง ๔ ปี เพียงเพราะประโยคที่เขาให้กำลังใจตัวเองว่า "เราจะต้องหายใจเข้าไว้ เพราะพรุ่งนี้พระอาทิตย์จะขึ้นอีกครั้ง และใครจะรู้ว่ากระแสน้ำ จะพัดพาสิ่งใดมาให้" ทำให้เขายังมีหวัง (hope) และได้ใช้โอกาส (opportunity) ที่กระแสน้ำนำมาให้ สร้างแพพาตัวเองกลับบ้านได้สำเร็จ
๔. "Carpe Diem. Seize the day, boy. Make your life extraordinary." จากเรื่อง Dead Poets Society (1989) เป็นเรื่องของครูภาษาอังกฤษคนใหม่ John Keating (Robin Williams) ในโรงเรียนประจำชั้นสูง (elite boarding school) ที่นำวิธีการสอนแบบใหม่ที่ขัดกับความเชื่อในการสอนแบบดั้งเดิม (the unorthodox teaching methods) เข้ามายังสังคมอนุรักษ์นิยมนี้ (conservative) โดยสร้างแรงบันดาลใจ (inspiration) ให้นักเรียนผ่านบทกวี (poetry) เขาสอนให้นักเรียนรู้จักตัวตนของตัวเอง (be individual, be yourself) และสอนให้นักเรียนกล้ามองในมุมที่ต่างออกไป (different perspectives) John อ้างอิงสำนวนที่มาจากบทกวีภาษาละติน "Carpe Diem" หรือ "Seize the day" ในภาษาอังกฤษ ซึ่งแปลว่า "ให้ฉกฉวยวันเวลาไว้" เพื่อให้นักเรียนได้รู้จัก "ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ ทำชีวิตของพวกเขาให้พิเศษ (extraordinary) ในแบบฉบับของแต่ละคน"
๕. "Real life i more complicated than a slogan on a bumper sticker." จากเรื่อง Zootopia (2016) ที่กล่าวถึง กระต่ายน้อย Judy ที่มีความใฝ่ฝันจะเป็นตำรวจ กระต่ายตัวแรกของเมือง Zoootopia และได้พิสูจน์ตัวเองด้วยการไขคดีสำคัญที่เกิดขึ้น โดยมีคู่หูต่างสายพันธุ์ Nick ซึ่งเป็นสุนัขจิ้งจอก เป็นผู้ช่วย Zootopia ได้สะท้อนภาพสังคมปัจจุบันได้อย่างหลักแหลม เน้นถึงพฤติกรรมการเหมารวมตีตรากลุ่มคนต่างๆ ว่าเป็นคนประเภทใด (stereotype) แสดงถึงการเหยียดหยาม รังเกียจคนที่ต่างจากเรา (prejudice) ท้ายที่สุด กระต่ายน้อยได้เรียนรู้ว่า "ชีวิตจริงนั้นซับซ้อนกว่าที่เคยอ่านเจอบนสติ๊กเกอร์ท้ายรถมากนัก" ผู้คนแต่ละคนมีความหลากหลาย (diversity) แตกต่างจากปัจเจกบุคคล (individual) จึงไม่สามารถตัดสินบุคคลจากภายนอกได้ (Don't judge a book by its cover.)
 
   สำหรับผู้เขียน ภาพยนตร์เป็นทั้งแหล่งให้ความบันเทิง เป็นที่พักใจ (sanctuary) และเป็นขุมทรัพย์แห่งความรู้ทั้งทางวิชาการและทางโลก (world knowledge) ดังนั้น หากมีใครถามท่านว่า Wanna go see a movie? ขอแนะนำให้ท่านตอบไปเลยว่า Let's go! ...... เทคนิคพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น